08 กรกฎาคม 2552
การพาณิชยกรรม
ตั้งแต่สาธารณรัฐเฮลเลนิกได้เข้าร่วมกลุ่มในเขตยูโร (กรีซเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป เมื่อ พ.ศ. 2524 และเป็นสมาชิกEuro zone ใน พ.ศ. 2544) ทำให้งบประมาณของประเทศลดการขาดดุลทางบัญชีลงต่ำกว่าร้อยละ 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) และในเวลาเดียวกันสาธารณรัฐเฮลเลนิกได้พัฒนาเศรษฐกิจทำให้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นในแต่ละปีร้อยละ 4 จาก พ.ศ. 2547-2550 อัตราการว่างงานลดลง การส่งออก การลงทุนมีมูลค่าสูงขึ้น โดยเฉพาะใน พ.ศ. 2550 ต่างชาตินำเงินเข้ามาลงทุนในประเทศถึง 4,000 ล้านยูโร(ร้อยละ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ) ทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามแผน National Strategic Reference Framework (ESPA) 2007-2013 รัฐบาลเปิดให้ทุกภาคส่วน ซึ่งได้แก่ ธุรกิจการท่องเที่ยว พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ บริการอื่นๆ ธนาคาร มีโอกาสเข้ามาลงทุน โดยเน้นให้สาธารณรัฐเฮลเลนิกเป็นใจกลางตลาดของยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศในตะวันออกกลาง และประเทศใน
อาฟริกาเหนือ โดยมีบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศ ประมาณ 4,000 บริษัท และธนาคารต่างๆอีกไม่ต่ำกว่า 2,300 สาขา ช่วยกันขับเคลื่อนธุรกิจการค้าในเขตนี้ให้โตขึ้นๆในอนาคต (Athens chamber of commerce and industry, 2008)
การค้าระหว่างประเทศ ระบบเศรษฐกิจของสาธารณรัฐเฮลเลนิกเป็นระบบเศรษฐกิจแบบเปิด (open economy) โครงสร้างหลักของสินค้าส่งออกของสาธารณรัฐเฮลเลนิก มีตลาดส่งออกหลักได้แก่ อิตาลี (ร้อยละ11.2) เยอรมนี (ร้อยละ11.4) บัลแกเรีย (ร้อยละ5.8) สหราชอาณาจักร (ร้อยละ5.8) ไซปรัส (ร้อยละ5.3)
ในส่วนของโครงสร้างหลักของสินค้านำเข้าของสาธารณรัฐเฮลเลนิกโดยมีตลาดนำเข้าหลัก ได้แก่ เยอรมนี (ร้อยละ 12.2) อิตาลี (ร้อยละ 10.9) รัสเซีย (ร้อยละ6) ฝรั่งเศส (ร้อยละ5.9) และ จีน (ร้อยละ4.9 )
ในด้านการลงทุนภายในประเทศ สหภาพยุโรปได้ตรากฎระเบียบเกี่ยวกับการสร้างแรงจูงใจในการลงทุนในประเทศสมาชิกอียูไว้อย่างเหมาะสม อันเป็นการเปิดโอกาสให้กรีซสามารถกำหนดค่าลดหย่อนต่างได้สูงถึงร้อยละ 60 ของมูลค่าโครงการ ทำให้ใน พ.ศ. 2549 ต่างชาติได้นำเงินมาลงทุนโดยตรง (Foreign Direct Investment)ในสาธารณรัฐเฮลเลนิก 6,990 ล้านยูโร สูงกว่าในปีที่ผ่านมา ถึง 1 เท่าตัว โดยส่วนใหญ่นำมาลงทุนในการก่อตั้งธุรกิจใหม่ๆ การควบรวมกิจการที่ดำเนินการอยู่ก่อนแล้ว รวมทั้งซื้ออสังหาริมทรัพย์ และแหล่งเงินทุนดังกล่าวมาจากประเทศในยุโรปเกือบทั้งหมดยกเว้นประเทศสหรัฐอเมริกาประเทศเดียว ฝรั่งเศสลงทุนมากที่สุดถึง 2,486 ล้านยูโร รองลงมา ประเทศสหราชอาณาจักร 1,071 ล้านยูโร อันดับสามคือประเทศเยอรมันนี 1,069 ล้านยูโร ตามลำดับ และลงทุนในหลากหลายภาคธุรกิจตั้งแต่อุตสาหกรรมการทำเหมืองแร่ ค้าส่ง ค้าปลีก จนถึงธุรกิจบริการการท่องเที่ยว (Athens chamber of commerce and industry , 2008)